ซามี่ เคดิร่า กองกลางคนปัจจุบันของ ยูเวนตุส และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำประตูให้กับทีมชาติเยอรมนีในเกมที่ถล่มทีมชาติบราซิลด้วยสกอร์ 7-1 เมื่อฟุตบอลโลก ปี 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนับเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทีมแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย
ทีมของ โยอาคิม เลิฟ ได้เจอกับทีมชาติบราซิล ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่เยอรมันจะขึ้นนำได้ถึง 5-0 ในช่วงพักครึ่ง หลังโธมัส มุลเลอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่, โทนี่ โครส (2 ประตู) และเคดิร่า ทำประตูได้ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นภายใน 30 นาทีแรกด้วย ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนโร่
เคดิร่าได้ออกมาเปิดเผยถึงคำพูดของเลิฟในช่วงพักครึ่งในเกมดังกล่าว เมื่อแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการเล่นอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้บราซิลมีโอกาสในการทำประตู ก่อนที่ทีมจะทำประตูเพิ่มได้ และชนะคู่แข่งไปด้วยสกอร์ถล่มทลาย
เคดิร่า กล่าวกับสปอร์ต บิลด์ ว่า “โยกี้บอกกับพวกเราว่า ‘ยอดเยี่ยมมาก! แต่เกมมันยังไม่จบ ถ้าผมเห็นใครเดินเล่น ผมจะเปลี่ยนออกทันที’ เขารู้สึกสบายใจอย่างชัดเจน หลังตอนแรกมันมีคำถามสำหรับทีมพวกเรา และเขาก็พูดต่ออีกว่า ‘พวกเราจะต้องเริ่มต้นด้วยสกอร์ 0-0 อีกครั้ง และผมต้องการคว้าชัยชนะในช่วงครึ่งหลัง’ มันเป็นข้อความที่สมบูรณ์แบบมากๆ จากเขา”
“พวกเราทุกคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พวกเรารวมใจกัน แม้แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในห้องแต่งตัวเวลานั้นด้วย ทุกคนช่วยกัน และมันก็เป็นข้อความที่ทำให้พวกเรามั่นใจมากๆ สนุกไปกับมัน และเท้าก็ติดดินเข้าไว้”
อันเดร ชูร์เล่ ทำอีก 2 ประตูในช่วงครึ่งหลัง ก่อนที่ออสกอร์จะทำประตูตีไข่แตกให้กับบราซิลในนาทีที่ 90 และช่วยทำให้เยอรมันชนะไปด้วยสกอร์ 7-1 และแม้มันจะผ่านมาแล้วถึง 6 ปี แต่มันก็ยังเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมของชาวเยอรมันทุกคน
เคดิร่า กล่าวว่า “ผมได้รับข้อความจากผู้คนทั่วโลก มันไม่เหมือนกับวันเกิดของผม ผมไม่สามารถอ่านมันได้ทั้งหมด ทุกคนเขียนมาหาผมว่า ‘น่าเหลือเชื่อ พระเจ้าช่วย’ ‘มันเกิดอะไรขึ้น’ ตูนิเซีย, เยอรมัน คนที่ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำกับแฟนฟุตบอล”
นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก ปี 2014 ที่ผ่านมา บราซิล และเยอรมันได้เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเป็นเกมกระชับมิตรที่บราซิลบุกมาเอาชนะเยอรมันได้เมืองเบอร์ลิน ด้วยสกอร์ 1-0 ในปี 2018
ทีมชาติบราซิลยังยิงจุดโทษเอาชนะทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลชาย นัดชิงชนะเลิศ ในโอลิมปิก ปี 2016
กับความพ่ายแพ้ในเกมนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบถึงความพ่ายแพ้ต่ออุรุกวัย ในฟุตบอลโลก ปี 1950 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่พลิกล็อคที่สุดในช่วงที่ผ่านมา