แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ กวาดิโอลาร์ กับแผนเด็ดเชือดพาเลซ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ กวาดิโอลาร์ กับแผนเด็ดเชือดพาเลซ !

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้มีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล อยู่ 5 แต้มด้วยกัน หลังจากที่พวกเขาทำการเอาชนะ 2-0 เหนือทีม คริสตัล พาเลซ ที่สนามเซลเฮิร์ส พาร์ เมื่อนัดล่าสุดใน พรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมา คุณจะแก้ไขวิกฤติการบาดเจ็บจากเหล่านักเตะเกมรับได้อย่างไร มันเป็นคำถามที่ เป๊ป กวาดิโอลาร์ ได้รับมาจากการต่อสู้ในเกมลีก นับตั้งแต่หัวเข่าของ อายเมอริค ลาปอร์เต้ แตกกระจุยในช่วงการแข่งขันที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะไบรตันในเดือนสิงหาคมด้วยสกอร์ 4-0 แต่ดูเหมือนว่าในที่สุดเขาก็มีคำตอบในใจของเขาแล้ว “ว่าหากมีข้อสงสัยก็อย่าใช้กองหลังใด ๆ ลงไปเล่นเลย” ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลายคนคิดว่าเป๊ปจะส่งตัวของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ลงไปเล่นในเกมนัดนี้ แต่เปล่าเลย เขาไม่ใช้งานโอตาเมนดี้ และ จอห์น สโตน ที่โดนทิ้งไว้บนม้านั่ง แต่สิ่งที่เป๊ปเลือกจะทำก็คือ การจัดวางคู่กองหลังตัวกลางเป็น “เฟอร์นันดินโญ” และ “โรดรี” ที่ได้ชื่อว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรับด้วยกันทั้งคู่ และขนาบข้างด้วย เบนจามิน เมนดี้ และ เจา กานเซโล เป็นสองแบ็กซ้าย-ขวาตามลำดับแทน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแผนที่ค่อนข้างต้องใช้ความกล้าหาญมากพอสมควรเลยทีเดียวในการทำอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการมอบหมายภารกิจที่น่าอึดอัดใจให้กับทั้งโรดรี และ เฟอร์นันดินโญ ทำหน้าที่เป็นกองหลัง แต่มันจะสำคัญอย่างไรเมื่อฝ่ายของเขาสามารถควบคุมเกมได้อย่างมั่นใจเช่นนี้ สำหรับปัญหาการบาดเจ็บของพวกเขา มันเลยกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่บังคับให้ซิตี้ใช้แผน backline แมนเชสเตอร์ ซิตี้แทบจะไม่โดนยิงประตูเลยในเกมนี้ และในความเป็นจริง สกอร์ 2-0 ก็นับว่าปราณีกันสุดๆแล้วที่พาเลซโดนยิงแค่นี้ เพราะซิตี้มีโอกาสยิงได้เป็นสองเท่าในเวลาเพียง 93 วินาทีในครึ่งแรก แต่พวกเขาทำไม่ได้กันเอง

ไม่มีกองหลังไม่ว่ากัน

เฟอร์นันดินโญ และ โรดรี มีช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจพอควรในการเล่นเป็นกองหลังจำเป็น และเกือบจะปล่อยให้ วิลฟรีด ซาฮา ยิงประตูได้ด้วยในเกมนี้ ในครึ่งแรกนั้นตัวของ ซาฮา อาศัยความที่ทั้งตัวของ เฟอร์นันดินโญ และ โรดรี ที่ไม่เคยเล่นเป็นกองหลังตัวกลางมาก่อน บุกเข้าไปยิงประตู แต่แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะทำงานด้วยความยุ่งยากเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังดีพอจะช่วยให้ ซิตี้ เก็บคลีนชีทที่สองของพวกเขาได้ในเกมพรีเมียร์ลีกห้าเกมล่าสุดของพวกเขา และทำให้พาเลซแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-0 แทนที่จะเป็นอุปสรรคต่อซิตี้ แต่การปรากฏตัวของกองกลางตัวรับทั้งสองคนที่เป็นหัวใจของการเล่นเกมป้องกันนั้น มันช่วยพวกเขาได้จริงๆ ความสามารถในการเล่นบอลของพวกเขาทำให้ฝ่ายของกวาดิโอลาร์ สามารถครองเกมได้ตั้งแต่ด้านหลังของทีม ไปจนถึงแดนหน้า อิลคาย กุนโดกัน ก็รับบทบาทการเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมเกมแทน ส่วนตัวของ โรดรี และ เฟอร์นันดินโญ ก็ได้ถอยลงต่ำไปช่วยทีมในขณะที่แบร์นาโด้ ซิลวา กองกลางทีมชาติโปรตุเกส และ ราฮีม สเตอร์ลิง เป็นมิดฟิลด์ริมเส้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุด มันได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการมีนักเตะที่อ่านเกมดีอยู่ในทีม ตัวของโรดรี สามารถสกัดกั้นการยิงประตูของ จอร์แดน อายิว กองหน้าตัวเก่งของทีมฝั่งตรงข้ามเอาไว้ได้ และยังเจอประเด็นที่น่าสนใจอีกว่า ดาบิด ซิลบา เป็นนักเตะวัยเก๋าที่ยังเข้าใจจังหวะการเล่นของทีมมากกว่าใคร และยังเปิดบอลให้เพื่อนได้เปรียบเสมอ

เฌซุสยิงประตู !

แน่นอนว่า เฟอร์นันดินโญ และ โรดรี ไม่ใช่คนเดียวที่ทำประตูได้ในเกมนี้ อีกด้านหนึ่งก็คือ มันมีตัวของ กาเบรียล เฌซุส จัดการสังหารประตูให้กับทีม เขาเล่นแทนส่วนของ เซร์คิโอ อเกวโร ดาวยิงสูงสุดของสโมสรได้อย่างยอดเยี่ยม และแสดงให้เห็นถึงการเล่นร่วมกันกับเพื่อนของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาเล่นได้ดี และสกอร์ของดาวรุ่งชาวบราซิล มันเกิดจากการประสานงานกับ แบร์นาโด้ ซิลวา ในขณะที่ตัวของ อเกวโร เขาย้ายมาเล่นในทีมนี้อย่างเงียบ ๆ แต่ถ้าพูดถึงฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของเขานั้น เขาก็ยังคงสถานะว่าเป็นยอดดาวยิงเช่นเดิม ตัวของอเกวโร ยังคงเป็นในฐานะกองหน้าตัวเลือกอันดับแรกของกวาดิโอลาร์ แต่มันก็ไม่แน่เช่นกันที่ตำแหน่งดาวยิงหมายเลข 1 ของสโมสรที่เขาครองมานานเป็นสิบปี อาจถูกคุกคามได้ในไม่ช้านี้ ซิตี้ชนะในเกมทั้งหมดห้าเกมที่ เฌซุส ลงสนาม และตั้งแต่ได้เริ่มต้นฤดูกาลนี้ ทำประตูได้ 16 ประตูด้วยกัน เขาเป็นภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องที่นี่และควรยิงได้มากกว่าหนึ่งประตู เขามีคุณสมบัติทั้งหมดในการเป็นนักเตะที่ดี แถมยังลงเล่นไปแปดนัดและสร้างโอกาสสองครั้งเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นนักเตะที่มีพลังงานในการเล่นที่ไม่เหน็ดเหนื่อยซึ่งบังคับให้กองหลังของคริสตัล พาเลซ เล่นกันผิดพลาดไปหมด และการวิ่งที่เสียสละของเขามันก็เปิดพื้นที่สำหรับเพื่อนร่วมทีมให้เติมขึ้นมาลุ้นยิงประตูได้ การวิเคราะห์แผนการของเป๊ปยังไม่จบ แต่เราจะมาต่อกันในครั้งหน้า !